นายพูนทรัพย์ วิเชียรฉาย

เรื่อง อุปกรณ์ของเครื่องคอมพิวเตอร์

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

พาวเวอร์ซัพพลาย

พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)




เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งถ้าคอมพิวเตอร์มีอุปกรณ์ต่อพวงเยอะๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมไดรฟ์ ดีวีดีไดรฟ์ก็ควรเลือกพาวเวอร์ซัพพลายที่มีจำนวนวัตต์สูง เพื่อให้สามารถ จ่ายกระแสไฟได้เพียงพอ


อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรามักจะมองข้ามไปและเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญเพราะถ้าขาดเจ้าตัวนี้แล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวเก่งของเราก็เปรียบเสมือนกล่องเหล็กธรรมดาๆใช้การอะไรไม่ได้ อุปกรณ์ชิ้นนี้ก็คือ แหล่งจ่ายไฟ หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า เพาเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)นั่นเอง
เพาเวอร์ซัพพลายมีหน้าที่หลักก็คือ เปลี่ยนแรงดันกระแสสลับจากไฟบ้าน 220โวลท์เอซีี ให้เป็นแรงดันไฟตรงดีซีที่คอมพิวเตอร์ต้องใช้
แหล่งจ่ายไฟคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือคอมพิวเตอร์พีซีนั้น ส่วนใหญ่จะบรรจุในเคสด้านหลังถ้ามองไปที่หลังเคสจะเห็นก่องเหล็กสี่เหลี่ยมมีช่องเสียบสายไฟและพัดลมเพื่อระบายความร้อน
เพาเวอร์ซัพพลายจะใช้เทคโนโลยีที่เราเรียกว่า สวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายคือการเปลี่ยนแรงดันอินพุตกระแสสลับเอซี ให้เป็นแรงดันตํ่ากระแสตรงแรงดันที่ออกแบบให้ออกมาจากเพาเวอร์ซัพพลายมีอยู่ทั่วไป 3ระดับคือ3.3โวลท์ , 5โวลท์ และ 12โวลท์ โดยที่แรงดัน3.3โวลท์และแรงดัน5โวลท์จะนำไปใช้ในวงจรดิจิตอล ส่วนแรงดัน12โวลท์ถูกนำไปใช้ในการหมุนมอเตอร์ของดิสท์ไดรฟ์และพัดลมระบายความร้อน

เมื่อหลายปีก่อนบางท่านที่เคยใช้คอมพิวเตอร์ยุคแรกๆตั้งแต่รุ่น 8088จนถึงรุ่น 486 คงจะจำได้ว่าสวิตช์เปิดปิดของคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าพวกนี้จะแตกต่างจากสวิตช์ปิดเปิดคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ด้วยเหตุว่า คอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆนั้น จะใช้เพาเวอร์ซัพพลายแบบ AT ซึ่งมีสวิตช ์เพื่อควบคุมการปิดเปิดเพาเวอร์ซัพพลายโดยตรง และใช้สวิตช์กดติดค้างคล้ายๆกับสวิตช์เปิดปิดไฟบ้าน ซึ่งต่างจากคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันจะใช้สวิตช์แบบกดติดปล่อยดับ สวิตช์นี้จะไม่ต่อเข้ากับเพาเวอร์ซัพพลายโดยตรงแต่จะต่อกับแผงวงจรเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ โดยใช้การควบคุมการปิดเปิดจากโปรแกรมปฎิบัติงาน สั่งให้แผงเมนบอร์ดปิดเพาเวอร์ซํพพลาย เมื่อเรากดสวิตช์นี้ เมนบอร์ดจะส่งแรงดัน 5โวลท์ไปยังส่วนควบคุมในเพาเวอร์ํซัพพลายเพื่อเปิดปิดการทำงานของตัวมันแรงดันไฟตรงนี้เราเรียกว่าแรงดัน VSB เพาเวอร์ซัพพลายรุ่นใหม่นี้เราเรียกแบบว่า แบบ ATX


ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีสวิตชิ่งในเพาเวอร์ซัพพลายจะเห็นได้ว่ามีการพัฒนามาตั้งแต่ปี คศ.1980 ในตอนนั้นเพาเวอร์ซัพพลายมีขนาดใหญ่และนํ้าหนักมากที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าในตัวเพาเวอร์ซํพพลายต้องใช้หม้อแปลงและตัวเก็บประจุที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันได้พัฒนาลดขนาดและนํ้าหนักของเพาเวอร์ซัพพลายลงได้มาก
เทคโนโลยีสวิตชิ่งไม่ใช่แค่นำไปใช้แต่คอมพิวเตอร์เท่านั้นแต่ยังได้นำไปใช้ในการสร้างไฟกระแสสลับจากไฟตรง12โวลท์ของแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อไปจ่ายให้เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นทีวี วิดีโอ ดังจะเห็นได้จากรถตู้หรือรถทัวร์เค้าใช้กัน วงจรพวกนี้เราเรียกว่า อินเวอร์เตอร์
เพาเวอร์ซํพพลายที่มีขายตามท้องตลาดนั้นมีหลายราคา หลายกำลังวัตต์ให้เลือก ตั้งแต่200วัตต์ จนถึง 400วัตต์ขึ้นอยู่กับว่าคอมพิวเตอร์เราใช้ทรัพยากรหรือว่ามีอุปกรณ์ต่อมากน้อยเพียงใด
อุปกรณ์ในคอมพิวเตอร์ กำลังวัตต์ที่อุปกรณ์ใช้ หน่วยประมวลผล CPU 15 - 45 วัตต์ Mainboard 20 - 30 วัตต์ Hard disk 5 - 15 วัตต์ CD-ROM drive 10 - 25 วัตต์ หน่วยความจำ RAM 5 - 11 วัตต์ Floppy disk drive 5 วัตต์ การ์แสดงผล AGP 20 - 30 วัตต์ การ์ด PCI เช่นการ์ดเสียง 5 วัตต์ การ์ด SCSI 20 - 25 วัตต์ การ์ด LAN 4 วัตต์ พัดลมระบายความร้อน 2 - 4 วัตต์
จะเห็นได้ว่ากำลังไฟทั้งหมดถ้ารวมๆกันแล้วก็ไม่เกิน 250วัตต์ จึงพอเพียงสำหรับเพาเวอร์ซํพพลายที่มีขายในปัจจุบัน
ปัญหาที่เราพบบ่อยๆกับเจ้าตัวเพาเวอร์ซํพพลายก็คือความร้อนที่เกิดจากตัวมันเองโดยทั่วไปเพาเวอร์ซัพพลายจะมีพัดลมช่วยระบายความร้อน แต่ถ้าพัดลมนั้นเกิดเสื่อมสภาพ หมุนช้าลงหรือหยุดหมุนไป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเพาเวอร์ซัพพลายก็จะร้อนขึ้นจนอาจจะไหม้ได้ หลังจากนั้นคอมพิวเตอร์ก็จะหยุดทำงานพร้อมกับมีกลิ่นไหม้ตามมา ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ควรสำรวจพัดลมหรือฟังเสียงพัดลมของเพาเวอร์ซัพพลาย ถ้าพัดลมหมุนช้าหรือหยุดหมุนไปก็ให้ปิดเครื่องทันที ถ้ามีฝีมือหน่อยก็ถอดฝาออกมาแล้วก็ซื้อพัดลมขนาดเดียวกันมาเปลี่ยนแทน หรือถ้าไม่อยากยุ่งยากก็ซื้อใหม่ทั้งชุดเลย ปัจจุบันราคาของเพาเวอร์ซัพพลายไม่แพงมากนัก อยู่ระหว่างประมาณ 350 ถึง 500บาทขึ้นอยู่กับกำลังวัตต์ที่ใช้และรูปแบบของเพาเวอร์ซัพพลาย เวลาเปลี่ยนก็ควรปลดสายไฟออกทั้งหมดก่อนเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะตามมา
ด้วยเหตุนี้ผู้ผลิตเมนบอร์ดจึงได้สร้างเมนบอร์ที่สามารถอ่านค่าความเร็วของพัดลมทุกตัวในคอมพิวเตอร์ รวมทั้งพัดลมของเพาเวอร์ซํพพลายด้วย โดยเมื่อพัดลมหมุนช้าลง หน่วยควบคุมในเมนบอร์ดก็จะส่งสัญญาณผ่านโปรแกรมมอนิเตอร์เตือนผู้ใช้ที่หน้าจอ ก่อนที่จะดับเครื่องตัวเองเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะตามมา


เมื่อการ์ดแสดงผลรุ่นใหม่ระบุมาว่าต้องใช้งานร่วมกับเพาเวอร์ซัพพลายกำลังสูงจึงจะให้ประสิทธิภาพเต็มที่…ซึ่งข้อเท็จจริงตรงนี้มีผลมากแค่ไหน? และมันจะลดทอนประสิทธิภาพลงหรือไม่? เราจะมาท้าพิสูจน์กันครับ
เมื่อกลางปี 2005 ที่ผ่านมาบริษัท NVIDIA เจ้าแห่งชิปกราฟิก (และชิปเซ็ตบนเมนบอร์ด) ได้เปิดตัวชิปกราฟิกในซีรีย์ 6 หรือ Geforce 6800 ออกมาให้วงการคอมพิวเตอร์และเหล่าเกมเมอร์ได้ฮือฮากันช่วงหนึ่งด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ทำให้การประมวลผลสามมิตินั้นรวดเร็วมากขึ้น สวยขึ้น และรองรับกับเกมใหม่ๆ อีกด้วย…แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายๆ ท่านกังวลใจ คือ เรื่องการใช้พลังงานของชิปกราฟิกรุ่นนี้ที่บริษัท NVIDIA เองระบุว่าชิปกราฟิกรุ่นนี้หรือการ์ดแสดงรุ่นผลใดๆ ก็ตามที่ใช้ชิปกราฟิกรุ่นนี้ควรจะใช้งานร่วมกับเพาเวอร์ซัพพลายขนาด 420 - 480 วัตต์ ขึ้นไปหรือถ้าจะใช้งานร่วมกันแบบ SLI ด้วยแล้วควรใช้ เพาเวอร์ซัพพลายขนาด 500 วัตต์ขึ้นไปเสียด้วยซ้ำ ซึ่งฟังดูแล้วก็น่าตกใจพอสมควรครับ เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ตามบ้านหรือที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบันนี้จะใช้เพาเวอร์ซัพพลายขนาด 350 – 400 วัตต์เท่านั้นเอง ทั้งนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านที่ใช้ชิปกราฟิกรุ่นนี้หรือออกแบบเพื่อใช้งานกราฟิกโดยตรงอาจะไม่กังวลเท่าใดนัก เพราะส่วนมากแล้วจะใช้เพาเวอร์ซัพพลายขนาด 450 วัตต์ ขึ้นไปแทบทั้งสิ้น (เมื่อสามารถซื้อการ์ดแสดงผลระดับสองหมื่นกว่าบาทมาใช้แล้วมีหรือท่านเหล่านั้นจะใช้เพาเวอร์ซัพพลายกำลังต่ำๆ จริงใหมครับ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น